ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะทำธุรกิจ จนมีรายได้หลักล้าน หรือ สิบล้านได้ เพราะผมไม่มีองค์ความรู้ เรื่องการทำกิจการเลย

พี่สาวผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย พ่อ-แม่ของผมก็เกษียณอายุแล้ว ไม่ได้มีธุรกิจส่งต่อให้ลูก ดังนั้นพอเรียนจบมา ผมก็เลยคิดว่า เราคงเป็นนักข่าวกีฬาแบบนี้ กินเงินเดือนไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต

ผมเป็นนักข่าวครั้งแรก ในปี 2007 ที่หนังสือพิมพ์กีฬาคิกออฟ จากนั้นปี 2010 ย้ายมาอยู่สยามกีฬา ก็เป็นพนักงานธรรมด๊า ธรรมดา ทำข่าวออนไลน์บ้าง ทำข่าวภาคสนามบ้าง ปนๆ กันไป

แต่ชีวิตของผม เริ่มพบเจอช่องทางทำธุรกิจของตัวเองได้ เพราะเจอจุดพลิกผัน 3 อย่าง

อย่างแรก คือในปี 2016 ผมเปิดเพจวิเคราะห์บอลจริงจังขึ้นมา บน facebook เพราะต้องการ “พื้นที่” ในการปลดปล่อยไอเดียของตัวเอง

ผมเขียนเพจวิเคราะห์บอลจริงจังซ้ำๆ ทุกวัน มาประมาณสองปี คนเริ่มรู้จักประมาณหนึ่ง จากนั้นนำมาสู่จุดพลิกผันอย่างที่ 2 นั่นคือ มีสำนักพิมพ์ที่เห็นว่าผมเขียนหนังสือได้โอเค ก็ติดต่อมา เพื่อให้ผมเขียนหนังสือวางขาย

มีสำนักพิมพ์ (แซลม่อน บุ๊คส์) แนะนำว่า ผมสามารถเอาเรื่องที่ผมเขียนในเพจ เอามาร้อยเรียงใหม่ให้สวยๆ แล้ววางขายได้นะ ผมรับฟัง และนั่นทำให้ผมผลิตหนังสือเล่มแรก ขึ้นมา ชื่อ Sportlight เกมนอกสนาม

จากนั้น ผมก็มารู้จักอีกสำนักพิมพ์ (ลีฟ ริช) ที่จ้างให้ผม “แปล” หนังสือฟุตบอลอีกสองเล่ม ชื่อ The Mixer และ Zonal Marking

การได้รู้จักกับทั้งสองสำนักพิมพ์ ทำให้ผมเห็นศักยภาพของธุรกิจหนังสือ ว่าเฮ้ย มันขายได้นะ ต่อให้ยุคนี้เป็นโลกออนไลน์ แต่ก็ยังมีคนจำนวนมาก ที่เอ็นจอยกับการอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ อยู่

และ จุดพลิกผันอย่างที่ 3 อย่างสุดท้าย คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2019 วันนั้น ผมไปรับรางวัล หนังสือดีเด่นประเภทสารคดี จากเซเว่นบุ๊คอวอร์ด แล้วมีโอกาสได้คุยกับ หมอเอ้ว-ชัชพล เกียรติขจรธาดา เจ้าของแชนแนล หลงไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์วางขายหนังสือของตัวเองด้วย

คุณหมอชัชพล ให้คำแนะนำที่สำคัญมากๆ เขาบอกว่า ในยุคนี้ ถ้าเราเขียนหนังสือได้นะ ไม่จำเป็นต้องไปตีพิมพ์ภายใต้สำนักพิมพ์ก็ได้ แต่เรา "พิมพ์ขายเอง" ได้เลย

แทนที่จะรับรายได้ 10% จากหน้าปก ที่สำนักพิมพ์ให้ ก็เปลี่ยนมารับเต็มๆ 100% แทน ได้เงินมากกว่า 10 เท่าครับ

นั่นทำให้ผมเห็น "โอกาสธุรกิจ" ครั้งแรกในชีวิตเลยครับ ว่าเออเนอะ ถ้าเราเอาบทความที่เขียนในแต่ละปี เอามารวมเล่ม ทำหน้าปกให้สวย ตีพิมพ์ให้มันคราฟต์น่าสะสมหน่อย แล้ววางขายเอง มันก็ "น่าจะ" พอไปได้นะ

ฤดูกาล 2019-20 ตอนที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกสูงสุด ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ผมเลยตัดสินใจว่า นี่ล่ะ คือวาระที่เหมาะสม ที่เราจะลองพิมพ์เองขายเอง ผมก็เลยตัดสินใจพิมพ์ Champion's Way ขึ้นมาครับ

ปรากฏว่า เล่มนั้น มีคนสั่งถึง 7,000 เล่มเลยครับ 7,000 x 500 = 3.5 ล้านบาท

ไม่น่าเชื่อ ว่าผมจะได้สัมผัสเงินล้านเป็นครั้งแรกในชีวิต ตอนที่บัญชีในแอป เด้งขึ้นมาว่า มีคนซื้อถึง 1 ล้านบาทแล้ว ผมกับภรรยากอดกันกลมเลย ว่าแบบ เออ เราทำได้แล้วจริงๆ มหัศจรรย์มากเลย

คนที่ไม่มีหัวทางธุรกิจอย่างผม แต่ก็ค้นพบเจอโมเดลเล็กๆ จนได้จับเงินล้านเป็นครั้งแรก มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกครับ คือดีใจมากจริงๆ

จากนั้น ผมก็ใช้โมเดลนี้ ในการทำธุรกิจมาตลอด นั่นคือ เขียนงานให้คราฟต์ที่สุดในแต่ละวัน จากนั้นพอสิ้นปี ก็จะวางแผน ว่าเราเอาเรื่องอะไรมารวมเป็นเล่มดี เพื่อวางจำหน่ายครับ

ถัดจาก Champion's Way ก็เป็น Manchester is Red, Pain and Glory, Gunners Dream, The Boss และ Si Senor เล่มล่าสุด ซึ่งเป็นหนังสือที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแปล

ในที่สุด ยอดขายโดยรวมทุกๆ เล่ม ก็สามารถทะลุระดับ "สิบล้าน" ได้สำเร็จครับ ก็เป็นอีกตัวเลขหนึ่ง ที่ไม่คาดฝัน ว่าจะไปถึงได้เลย

แน่นอนครับ ว่ามันก็ไม่ใช่เงินที่เยอะที่สุด ถ้าเทียบกับธุรกิจหลักร้อยล้าน พันล้าน เป็นยูนิคอร์นอะไรขนาดนั้น แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจมากๆ ครับ

เพราะธุรกิจทำหนังสือขายอันนี้ มันเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาด้วยมือเราเองตั้งแต่แรก นับหนึ่งเองอย่างแท้จริง

ที่ผมเล่าทั้งหมด เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน ที่ชีวิตนับหนึ่งจากศูนย์แบบผม เป็นคนที่ไม่ได้มีทุนทรัพย์อะไรเลย

ไม่แปลก ที่คุณจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะมั่นคงได้ยังไง จะไปสร้างธุรกิจอะไรได้

คือตัวผมเอง ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกัน นึกหนทางไม่ออก คิดว่าต้องกินเงินเดือนไปตลอดชีวิตนั่นล่ะครับ

แต่พอทำงานไปเรื่อยๆ เก็บประสบการณ์ไปทีละนิด แล้วได้เจอกับกัลยาณมิตรที่ดี มันจะค่อยๆ ชี้ทางสว่างให้เราครับ คือเราก็จะค้นพบโมเดลธุรกิจบางอย่างว่า เออ... เราเอง ก็พอทำแบบนี้ได้นะ

ของบางอย่าง เราจะไม่เจอมันตั้งแต่แรก แต่จะค่อยๆ รู้ ค่อยๆ เข้าใจตลาด แล้วไอเดียมันจะโผล่ขึ้นมาเองครับ

สำหรับธุรกิจขายหนังสือของผม ตอนนี้ พิมพ์ไปแล้ว 9 เล่ม เล่มต่อไป เป็นเล่มที่ 10 แล้วครับ ก็หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนที่ดีมากๆ จากลูกเพจทุกคนเช่นเดิมนะครับผม

-----------------------

ทิ้งท้ายอีกนิดนะครับ ผมอยากบอกว่า ความยากที่สุด ในการทำหนังสือจำหน่าย ไม่ใช่การเขียน ไม่ใช่การตีพิมพ์ แต่อยู่ที่ "การจัดการการเงิน"

เช่น สมมติลูกค้าอยากซื้อหนังสือ เราจะให้เขาโอนเงินอย่างไร ถ้าคนโอนเข้ามา 2,000 Transaction ในเวลา 1 ชั่วโมง เราจะรองรับได้ไหม

นอกจากนั้น ต้องมีเงินโอนเข้า ย้ายออก ตลอดเวลา เอาค่าหนังสือไปจ่ายให้ไปรษณีย์ ให้โรงพิมพ์ คือต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเงินตลอดเวลา

ดังนั้นผมต้องเลือก หาธนาคารที่จะซัพพอร์ทเรามากที่สุด ในเรื่องการเงิน คือทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้นครับ

หลังจากพิจารณาหลายธนาคารแล้ว ผมตัดสินใจเปิด K PLUS SME ของกสิกรไทยในสมัยนั้น (ซึ่งถ้าเป็นปัจจุบัน จะเป็นบริการที่ชื่อ K BIZ) เพราะมีประสิทธิภาพมากที่สุด อินเตอร์เฟซใช้ง่ายที่สุด เข้าใจง่าย

ทุกวันนี้ เปิดเพจมา 9 ปี ขายหนังสือมา 9 เล่ม K PLUS SME ใช้งานได้ดีมาก ไม่เคยงอแง ไม่เคยแฮงค์ โอนเข้า โอนออก มีหลักฐานรองรับทั้งหมด

เคยมีลูกค้าคนนึง บอกว่าเขาโอนเงินซื้อหนังสือไปแล้ว แต่แอปของธนาคารเขา error ไม่มีสลิป ให้เราช่วยเช็กยอดโอนในแอปกสิกรเองได้ไหม

เราต้องไล่หาลูกค้าคนนั้น ท่ามกลางคนที่โอนซื้อมาเป็นพันๆ คน แต่สุดท้ายก็เจอ ว่ามีการโอนมาจริง แอปได้เก็บบันทึกไว้ได้เป็นอย่างดีมากๆ

ทุกวันนี้ ขายหนังสือทุกเล่ม ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปใช้แบงค์อื่น เพราะมันดีอยู่แล้ว

หลังจากธุรกิจเติบโตขึ้น ผมเองก็เริ่มวางแผนใหญ่ขึ้นอีก ไม่ใช่แค่รวมคอลัมน์ที่ตัวเองเขียนแล้ว แต่ผมเดินหน้าซื้อลิขสิทธิ์หนังสือจากประเทศอังกฤษ เอามาแปลขาย

ขั้นตอนการซื้อครั้งแรก ต้องมีการโอนเงินระหว่างประเทศที่ยุ่งยากมากๆ ซึ่งในวันนั้น ก็ได้ความช่วยเหลือ จากพนักงานธนาคารกสิกรไทย สาขา รังสิต คลองสอง ช่วยแนะนำทุกอย่าง จนการโอนเงินระหว่างประเทศที่ซับซ้อนสำหรับผม ลุล่วงไปได้ด้วยดี

ชีวิตผมมีเหตุให้ต้องใช้บริการกสิกรไทยอยู่ตลอดครับ

ปัจจุบัน บัญชีบริษัท ที่ทำงานประจำ และ บัญชีทุกบริษัท ทั้งหมดผมใช้ KBank หมดเลย

รวมถึงการเงินในชีวิตประจำวันก็ใช้ K PLUS ที่ตอบโจทย์ สแกนจ่าย ง่ายรวดเร็ว และเดี๋ยวนี้เขามีฟีเจอร์เยอะขึ้น ซัพพอร์ทการลงทุน การโอนเงินระหว่างประเทศ สแกนจ่ายแบบ QR ที่ต่างประเทศก็มี รวมถึง ฟีเจอร์ที่ช่วยเราควบคุมรายจ่ายด้วย

กสิกรไทยอยู่ด้วยกันกับเรา มาตั้งแต่ Day One และคิดว่าจะอยู่กันไปเรื่อยๆ สร้างความประทับใจ ต่อไปได้อีกครับ

เพราะนี่คือธนาคารที่ผมใช้บริการมากที่สุดครับ เราพูดตรงๆ แบบไม่โกหกเลย

ดังนั้น สำหรับคนที่เป็น start up หรือ ทำ SME คิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจแบบผม อยากบอกว่า กสิกรไทย ช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ทำให้การเงินเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดมากๆ ครับ

อันนี้ เล่าจากเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นของผมเองนะครับ ซึ่งผมคิดว่า หลายๆ คน คงมีธนาคารกสิกรไทย อยู่ในบางช่วงจังหวะชีวิตของคุณ อย่างแน่นอนครับผม

สำหรับใครที่สนใจว่า KBank จะช่วยทำให้เรา “ประทับใจไปได้อีก” ในแบบไหนบ้าง ลองคลิกดูได้เลยทางนี้นะครับผม

www.kasikornbank.com/k_3HLcfim
#kbank #กสิกรไทย #ประทับใจไปได้อีก

credit :
https://www.facebook.com/share/p/19MYi9fhSC/

image

image

image

image

image

image
image
image
image

ทำเศษไม้ให้กลายเป็น
เศษไม้เสกเงิน
เขาทำกันแบบนี้

เป่าหลอดแก้ว
เทคนิคการเป่า #หลอดแก้ว ให้สวย ๆ เค้าทำกันแบบนี้

ปั้นหม้อดิน
#หม้อดิน ชาวบ้านที่ อ. ราษีไศล จ. ศรีสะเกษ เขาปั้นกันแบบนี้

image
ads1